
และนี่คือหนังญี่ปุ่นที่ต้องสารภาพตรง ๆ เลยว่าเป็นอีกเรื่องที่รอคอยและอยากดูมาก ๆ ในปีนี้ เพราะแค่เห็นชื่อทีมงานและนักแสดง รวมทั้งเป็นผลงานที่สร้างมาจากนิยายชื่อดังสุด ๆ ที่ทำยอดขายฮอตฮิตระดับประเทศมาแล้วเมื่อ 2 ปี ยิ่งทำให้เพิ่มพูนความน่าดูเข้าไปอีก และนี่คือ “Wandering ‘รัก’พาตัว” หนังดราม่าที่คงจะต้องบอกกับทุกคนก่อนเลยว่า เนื้อในของหนังนั้นหนักหนากว่าที่เห็นภาพนิ่งบนโปสเตอร์เป็น 10 เท่าตัวเลยทีเดียว

Wandering ‘รัก’พาตัว เป็นเรื่องราวของ เด็กประถมวัย 9 ขวบ ที่ได้พบกับ ชายหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่อายุห่างกัน 10 ปี โดยบังเอิญ หลังจากที่เธอเศร้าโศก เพราะไม่อยากจะกลับไปอยู่ป้า เนื่องจากพ่อแม่ได้แยกทางกันไป ทำให้เขาได้ชวนเธอมาอยู่ด้วยกัน เวลาผ่านไป 2 เดือน เขาถูกแจ้งจับในคดีลักพาตัว และถูกตีตราหน้าแทบจะไร้ที่ยืนในสังคม เมื่อเวลาผ่านไป 15 ปี เธอที่กำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัว แต่เธอได้เจอกับเขาอีกครั้ง และการพบกันครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล

หนังดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดังของ “ยู นางิระ” ที่ได้รับการยกย่องและได้รับโหวตในเป็นวรรณกรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปี 2020 ที่ผ่านมา โดยหนังเรื่องนี้ได้ผู้กำกับชาวเกาหลีที่คร่ำหวอดในวงการหนังญี่ปุ่น “อีซางอิล” มารับหน้าที่ดูแลงานสร้างและดัดแปลงเขียนบทด้วยตัวเอง ผนึกกำลังด้วยโปรดิวเซอร์ฝีมือดี “ฮิโรมิ โฮโนกิ” และการดีไซน์งานในหนังเรื่องนี้ของเขานั้น ได้ออกมางดงามและคมคาย เป็นเสมือนบาดแผลใหม่ที่พยายามรักษาแต่ยังไม่หายตลอดทั้งเรื่อง
คุณอย่าหวังว่าจะเห็นเจออะไรสดใสในหนัง Wandering เพราะเรื่องนี้มาพร้อมกับประเด็นที่ค่อนข้างมืดหม่นแบบสุด ๆ ทั้งการสะท้อนแง่คิดของมนุษย์ การสำรวจภายใต้จิตใจของคน การตีแผ่พฤติกรรมของแวดล้อมสังคม และยังแตะต้องประเด็นศีลธรรมที่กล้ามาก ๆ อีกเรื่องนี้ทีเดียว แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะค่อย ๆ ดำเนินเรื่องไปในจังหวะที่ช้ากว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็เป็นหนทางการร้อยเรียงเรื่องที่อยู่ในจังหวะที่กำลังพอดี ไม่ได้เร่งรัด แต่ก็ไม่อืดอาดเกินไป

งานเขียนบทหนังของ อีซางอิล ก็ถือว่าดีไซน์ในแต่ละมุมมองออกมาได้คมคายจริง ๆ เป็นการค่อย ๆ กระเทาะเปลือกแต่ละตัวละครได้แยบยล คือจะบอกได้ว่า Wandering นั้น ใส่มิติและปมต่าง ๆ ให้กับแทบทุกตัวละครที่มีในหนังเรื่องนี้ ทุกคนต่างมีพื้นเพและปมความทุกข์ของตัวเองที่ต่างกันไป เมื่อนำมารวมกันบนหนังเรื่องเดียวกัน มันจึงกลายเป็นหนังที่มีน้ำหนักที่หนักอึ้ง เหมือนกำลังถูกรถบรรทุกสัก 20-30 ตัน แล่นผ่านแนวความคิดระหว่างดูชมหนังเรื่องอยู่
การแสดงของแคสติ้งใน Wandering ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดที่คุ้มค่าแก่การดูชมมาก แม้ว่าการดีไซน์ลักษณะแอคติ้งในเรื่องนี้ จะทำออกมาค่อนข้างชดช้อยเหมือนกับจังหวะการเล่าเรื่องที่เนิบ ๆ ของหนัง แต่นักแสดงทุกคนก็มอบการแสดงในระดับมืออาชีพออกมาได้อย่างน่าประทับใจ “ซึสุ ฮิโรเสะ” กับ “โทริ มัตสึซากะ” สามารถช่วยกันประคับประคองและแบกหนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องเอาไว้ได้สบาย ๆ การแสดงของทั้งคู่เข้าขั้นยอดเยี่ยม การสื่อสารทางอารมณ์เป็นเลิศ และนี่คือชิ้นงานของมืออาชีพจริง ๆ

นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งบทบาทในหนังที่ค่อนข้างหนักหน่วงของ ซึสุ ฮิโรเสะ แล้ว เธอสามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดทรมาน ออกมาผ่านภาพลักษณ์ที่สดใสเสมอของเธอได้อย่างขมขื่น บางรอยยิ้มของเธอในหนังก็สื่อออกมาได้ชัดเจนว่าคือคราบน้ำตา ในขณะที่ โทริ มัตสึซากะ คนนั้นต้องปรบมือให้จริง ๆ เขายังคงเป็นนักแสดงหนุ่มญี่ปุ่นที่สร้างผลงานที่จัดจ้านและเข้าถึงทุกบทบาทที่ได้รับจริง ๆ และเรื่องนี้อินเนอร์ของเขาช่างทรงพลังและเล่นไปได้ทุกทาง ชนิดที่คนดูยอมใจ
อีกคนที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ “ริวเซย์ โยโกฮามะ” ที่มาพลิกคาแรกเตอร์และท้าทายภาพลักษณ์พระเอกคนหล่อของตัวเองสุด ๆ เพราะในเรื่องนี้บทที่เขาได้รับนั้นต่างขั้วกับผลงานอื่น ๆ ที่ผ่านมาทีเดียว ชนิดที่ว่าสามารถเล่นได้ถึงและทำให้คนดูรู้สึกขยะแขยงและเกลียดได้อย่างมีชั้นเชิงจริง ๆ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณความเป็นมืออาชีพของเขา กับบทที่ส่งให้เขาได้ถึงอารมณ์ เก็บรายละเอียดและดีไซน์การแสดงครั้งนี้ออกมาได้ขนลุกขนพอง

ส่วนอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ Wandering ทำให้รู้จักประทับใจจับใจอยู่ไม่น้อย ก็ตืองานดีไซน์ภาพและสร้างโทนบรรยากาศ ที่ช่างจะข่มขืนและสะท้อนอารมณ์ของเรื่องราวของหนังได้อย่างเหมาะเจาะ ด้วยฝีมือของผู้กำกับภาพชาวเกาหลี “ฮงกยองพโย” ที่ออกแบบแต่ละซีนได้ด้วยการใช้เทคนิคแสงธรรมชาติและย้อมภาพได้อย่างสื่อเข้าถึงอารมณ์อย่างบาดลึก
ผนวกกับอีกหลาย ๆ โลเคชั่นของหนังที่ช่วยส่งเสริมบทบาทให้เข้ากันได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ฉากทะเลสาบที่เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์สำคัญของเรื่อง รวมทั้ง ฉากสนามเด็กเล่น, ฉากร้านกาแฟ หรือ ฉากเรือนหลังบ้านของฟุมิ ที่แต่ละฉากและแต่ละมุมมองที่ร้อยเรียงออกมาในหนังนั้น เป็นความคมคายที่คลุกเคล้าเข้ากับการสื่ออารมณ์และนำทิศทางอารมณ์ของตัวละครกับคนดูไปได้ด้วยกันเป็นอย่างดี

โดยสรุปแล้วนั้น Wandering ‘รัก’พาตัว ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังน้ำดีจากญี่ปุ่นในปีนี้ ทั้งเนื้อหาที่เข้าขั้นยอดเยี่ยม บวกกับการแสดงที่ถ่ายทอดออกมาได้คมคายทั้งทีมแคสติ้ง และยังมีการดีไซน์งานสร้างของทีมงานระดับมืออาชีพ ที่เมื่อนำมารวมเข้าด้วยกันแล้ว ออกมาเป็นหนังที่มีประเด็นหนักหน่วงมาก ๆ เรื่องหนึ่งที่ทำออกมาได้อย่างงดงามและพิถีพิถันในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ กลายเป็น 2 ชั่วโมงครึ่งที่ทำให้คนดูรู้สึกอึดอัด ขมขื่น และมีความหวัง ไปด้วยแบบพร้อมเพรียงกัน…